สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 13-19 พฤศจิกายน 2563

 

ข้าว
 
1) สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว
2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64
รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการ
ลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2
2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก
2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว
2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย
2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง
2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่
2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ
4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ
5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย
5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 10,253 บาท ราคาลดลงจากตันละ 10,295 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.40
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,172 บาท ราคาลดลงจากตันละ 8,422 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.98
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 30,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,512 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,270 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.82
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 876 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26,226 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 891 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26,893 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.68 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 667 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 496 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,849 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 485 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,639 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.27 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 210 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 492 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,729 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 491 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,820 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.20 แต่ลดลงในรูปเงินบาทตันละ 91 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 29.9380 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
สัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากมีคำสั่งซื้อข้าวจากประเทศจีนและฟิลิปปินส์กลับเข้ามา ประกอบกับในช่วงนี้ยังคงมีฝนตกลงมาจากอิทธิพลของพายุ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเก็บเกี่ยวในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง-
ฤดูหนาว (autumn-winter crop) ส่งผลให้อุปทานข้าวในตลาดอยู่ในภาวะตึงตัว โดยข้าวขาว 5% ราคาอยู่ที่ประมาณตันละ 495-500 ดอลลาร์สหรัฐฯ สูงขึ้นจากตันละ 493-497 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากสัปดาห์ก่อนหน้า
โดยในเดือนตุลาคม 2563 เวียดนามส่งออกข้าวประมาณ 362,930 ตัน ลดลงประมาณร้อยละ 5.80 เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-ตุลาคม) เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 5.35 ล้านตัน ลดลงประมาณร้อยละ 2.80 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม (Ministry of Agriculture and Rural Development) รายงานว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวประมาณ 5.30 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8.20 แต่ปริมาณลดลงประมาณร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าข้าวแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ข้าวในประเทศที่มีอุปทานข้าวลดลง ซึ่งอาจจะส่งผลให้การส่งออกข้าวในเดือนพฤศจิกายนนี้มีปริมาณลดลงจากเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
The Oceanic Agency and Shipping Service รายงานว่า ระหว่างวันที่ 1-23 พฤศจิกายน 2563
จะมีเรือบรรทุกสินค้าอย่างน้อย 4 ลำ เข้ามารอรับเพื่อขนถ่ายสินค้าข้าวที่ท่าเรือ Ho Chi Minh City Port เพื่อรับมอบข้าวประมาณ 80,287 ตัน
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
 
บังคลาเทศ
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Directorate General of Food (DGF) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านธัญพืชของรัฐบาล
ได้ออกประกาศเปิดการประมูลนำเข้าข้าวนึ่ง (INTERNATIONAL QUOTATION NOTICE FOR IMPORT OF NONBASMATI PARBOILED RICE) จำนวน 50,000 ตัน ถือเป็นการเปิดประมูลนำเข้าข้าวครั้งแรกในรอบ 3 ปี เนื่องจากภาวะราคาข้าวในประเทศปรับสูงขึ้นขณะที่อุปทานข้าวมีน้อยลง โดยกำหนดให้ยื่นข้อเสนอภายในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2563 และกำหนดให้มีการส่งมอบข้าวภายในระยะเวลา 40 วัน หลังจากที่มีการทำสัญญาแล้ว
รัฐมนตรีกระทรวงการอาหาร ระบุว่า รัฐบาลบังคลาเทศมีแผนที่จะประมูลนำเข้าข้าวประมาณ 300,000 ตัน เนื่องจากเกิดภาวะอุปทานข้าวในประเทศขาดแคลน เพราะผลผลิตข้าวบางส่วนได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวงการค้าข้าว กล่าวว่า การจัดประมูลนำเข้าข้าวดังกล่าว จะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาของข้าวในขณะนี้ ซึ่งราคาข้าวในประเทศได้ปรับตัวสูงขึ้นประมาณร้อยละ 50 นับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 เนื่องจากประชาชนซื้อข้าวเพื่อกักตุนไว้ท่ามกลางความตื่นตระหนกของตลาด
วงการค้าระบุว่า การประมูลนำเข้าข้าวไม่น่าจะทำให้ราคาข้าวในประเทศปรับตัวลดลง แต่รัฐบาลควรใช้วิธี
ปรับลดภาษีนำเข้าข้าว (import duty) มากกว่า เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าข้าวในขณะนี้อยู่ที่อัตราร้อยละ 55 จากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 28 โดยในปี 2562 รัฐบาลได้ปรับอัตราภาษีขึ้นเพื่อปกป้องเกษตรกรในประเทศ ส่งผลให้ในช่วงเวลานั้นราคาข้าวในประเทศปรับตัวลดลงจนเกิดการประท้วงของเกษตรกรจากการขายข้าวในราคาที่ถูกลง
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ระบุว่า จนถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีแผนที่จะปรับลดอัตราภาษีนำเข้าข้าว เพราะต้องการคงอัตราภาษีนำเข้าไว้เพื่อปกป้องเกษตรกรในประเทศ และในทางกลับกันรัฐบาลอาจจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าวในกรณีที่จำเป็นอีกด้วย โดยในปีนี้รัฐบาลคาดว่าผลผลิตข้าวในฤดูนาปีหรือ Aman crop จะมีผลผลิตลดลงประมาณร้อยละ 15 เนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักและอุทกภัย ซึ่งส่งผลให้การจัดหาข้าวของรัฐบาลในปีนี้ลดลงเกือบ 1 ล้านตัน จากเป้าหมายที่ 1.95 ล้านตัน
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
 
ไนจีเรีย
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) รายงานสถานการณ์ข้าวของไนจีเรีย โดยคาดว่าในปีการตลาด 2563/64 (ตุลาคม 2563-กันยายน 2564) ไนจีเรียมีผลผลิตข้าวประมาณ 4.89 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจาก 5.04 ล้านตัน
ในปี 2562/63 แม้ว่าพื้นที่เพาะปลูกจะเพิ่มขึ้นจาก 21.87 ล้านไร่ เป็น 22.50 ล้านไร่ก็ตาม เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้รัฐบาลออกมาตรการ Lockdown ในช่วงเวลาซึ่งใกล้เคียงกับช่วงการปลูกข้าว (กลางเดือนมีนาคม- กลางเดือนเมษายน) ทำให้การเดินทางเพื่อประกอบกิจกรรมทางการเกษตรถูกจำกัด และการกระจายปัจจัยการผลิต และอุปกรณ์สำหรับการทำนาข้าวต้องหยุดชะงักไป
ด้านการบริโภคข้าวนั้น คาดว่ายังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร และการขยายตัวของชุมชนเมือง โดยในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 มีความเสียหายต่อระบบห่วงโซ่อุปทานเป็นอย่างมาก เนื่องจากข้าวบางส่วนต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนข้าว และส่งผลให้ราคาข้าวภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งการที่ราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นทำให้ประชาชนบางส่วนหันไปบริโภคธัญพืชชนิดอื่นที่มีราคาถูกว่า อาทิ millet ข้าวฟ่าง และมันสำปะหลัง
ด้านการนำเข้าข้าวคาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากชาวไนจีเรียยังคงชื่นชอบข้าวนึ่งจากไทยและอินเดีย ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลจะใช้นโยบายปิดพรมแดน แต่การลักลอบนำเข้าข้าวผ่านแนวชายแดนยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และมีการ ค้าขายกันอย่างเสรีภายในประเทศ
ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย


กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้

ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.74 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.45 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.89 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.96 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.92 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.68
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ  9.01 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน และราคาขายส่งไซโลรับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.40 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 304.50 ดอลลาร์สหรัฐ (9,129 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากตันละ 304.00 ดอลลาร์สหรัฐ (9,176 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.16 แต่ลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 47 บาท
2. สรุปภาวะการผลิต การตาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2563/64 มีปริมาณ 1,156.54 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,132.68 ล้านตัน ในปี 2562/63 ร้อยละ 2.11 โดยจีน สหรัฐอเมริกาอาร์เจนตินา เวียดนาม รัสเซีย บราซิล แคนาดา ไนจีเรีย เม็กซิโก อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ อียิปต์ อินเดีย แอฟริกาใต้ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น สำหรับการค้าของโลกมี 183.46 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 175.12 ล้านตัน ในปี 2562/63 ร้อยละ 4.76 โดย สหรัฐอเมริกา บราซิล เซอร์เบีย ปารากวัย แอฟริกาใต้ และแคนาดา ส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้า เช่น จีน สหภาพยุโรป อิหร่าน เม็กซิโก บราซิล โคลอมเบีย โมร็อกโก อียิปต์ เปรู ตูนิเซีย มาเลเซีย ชิลี โดมินิกัน อิสราเอล ซาอุดิอาระเบีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กัวเตมาลา และแอลจีเรีย มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนธันวาคม 2563 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 เฉลี่ยตันละ 163.67 ดอลลาร์สหรัฐ (4,971 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากตันละ 162.60 ดอลลาร์สหรัฐ (5,112 บาท/ตัน) ของเดือนตุลาคม 2563 ร้อยละ 0.66 แต่ลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 141.00 บาท เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2562 เฉลี่ยตันละ 156.69 ดอลลาร์สหรัฐ (4,767 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.64 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 204.00 บาท



 


มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2564 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – กันยายน 2564) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.86 ล้านไร่ ผลผลิต 28.980 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.27 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.70 ล้านไร่ ผลผลิต 27.347 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.14 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.82 ร้อยละ 5.97 และร้อยละ 4.07 ตามลำดับ โดยเดือนพฤศจิกายน 2563 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 1.54 ล้านตัน (ร้อยละ 5.30 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2564 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2564 ปริมาณ 18.49 ล้านตัน (ร้อยละ 63.79 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงต้นฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สำหรับโรงงานแป้งมันสำปะหลังและลานมันเส้นเริ่มเปิดดำเนินการ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.82 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1.80 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.11
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.95 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 6.02 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.16
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.23 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.20 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.42
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 13.28 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 13.15 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.99
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 255 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,945 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (7,697 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 460 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,791 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 448 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,522 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 2.68


 


ปาล์มน้ำมัน
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2563 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนพฤศจิกายนจะมีประมาณ 0.985 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.177 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.142 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.206 ล้านตัน ของเดือนตุลาคม คิดเป็นร้อยละ 13.75 และร้อยละ 14.08 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 7.14 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 7.03 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.56
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 37.75 บาท ลดลงจาก กก.ละ 39.03 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.28                          
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียมีปัญหาเรื่องการใช้แรงงาน ทั้งแรงงานเด็กและแรงงานผู้หญิง จากข่าว The Japan Times พบว่า แรงงานหญิงถูกกดค่าจ้าง ไม่มีสวัสดิการให้ และมีการถูกทารุณกรรมทางเพศทั้งทางวาจาและร่างกาย ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับสวนปาล์มที่มีมาตรฐาน RSPO ด้วยเช่นกัน องค์กรที่ไม่หวังผลกำไรยังพบว่า แบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกเป็นส่วนหนึ่งใน supply chain ของสวนปาล์มที่มีประเด็นเรื่องแรงงานหญิงที่โดนทารุณกรรมทางเพศ 
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 3,513.85 ดอลลาร์มาเลเซีย (26.23 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 3,446.12 ดอลลาร์มาเลเซีย (25.79 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.97  
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 874.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26.57 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 840.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25.71 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.05
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล
 
  1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ
         
          ไม่มีรายงาน
 
  1. สรุปภาวการณ์ผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          ไม่มีรายงาน



 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ กิโลกรัมละ 17.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 25.00 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 32.00
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา 
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,163.48 เซนต์ (13.00 บาท/กก.) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,124.36 เซนต์ (12.65 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.48
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 392.36 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.93 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 388.42 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.89 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.01
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 37.87 เซนต์ (25.38 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 36.21 เซนต์ (24.43 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.58


 

 
ยางพารา

 

 
สับปะรด



 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.19 บาท สูงขึ้นจากราคากิโลกรัมละ 16.13 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 37.57
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 37.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,103.75 ดอลลาร์สหรัฐ (33.09 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,094.80 ดอลลาร์สหรัฐ (33.04 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.82 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.05 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 902.00 ดอลลาร์สหรัฐ (27.04 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 894.80 ดอลลาร์สหรัฐ (27.01 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.80 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,373.00 ดอลลาร์สหรัฐ (41.16 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,362.20 ดอลลาร์สหรัฐ (41.12 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.79 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.04 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 666.25 ดอลลาร์สหรัฐ (19.97 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 661.00 ดอลลาร์สหรัฐ (19.95 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.79 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,265.25 ดอลลาร์สหรัฐ (37.93 บาท/กิโลกรัม) สูงขึ้นจากตันละ 1,255.20 ดอลลาร์สหรัฐ (37.89 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.80 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.04 บาท


 

 
ถั่วลิสง
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 53.24 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 48.77 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 9.17
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสดสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.91 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 25.95 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.15
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 56.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน


 

 
ฝ้าย

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนธันวาคม 2563 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 69.23 เซนต์(กิโลกรัมละ 46.40 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 69.25 เซ็นต์ (กิโลกรัม 46.73 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.03 ลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.33 บาท)

 
 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,918 บาท สูงขึ้นจาก 1,881 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 1.96 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,918 บาท ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ไม่มีรายงาน 
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,547 บาท ลดลงจาก 1,508 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นร้อยละ 2.58 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,547 บาท ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ไม่มีรายงาน  
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 933 บาท เท่ากับของสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์

สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
  
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรลดลง เนื่องจากมีพายุฝนในบางพื้นที่ แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อยจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  74.71 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 77.17 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.18 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 72.61 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 72.66 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 76.07 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 74.00 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,500 บาท ลดลงจากตัวละ 2,600 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 3.84
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 74.50 บาททรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา


ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อไก่สอดคล้องต่อความต้องการบริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อยจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 32.74 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 32.71 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.09 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท กิโลกรัม ภาคกลาง กิโลกรัมละ 31.49 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 42.92 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 7.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา   
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34 บาท และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  


ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   

สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา  เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการบริโภค แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 290 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 287 บาทของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.04 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 302 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 280 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 291 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 290 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 348 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 342 บาทของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.75 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 367 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 359 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 326 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 343 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 390 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 97.95 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 96.72 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.27 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 98.40 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 99.12 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 92.19 บาท และภาคใต้ 102.86 บาท


กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 77.82 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 77.74 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.10 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.54 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 75.37 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา


 


ตารางปศุสัตว์ ราคาเกษตรกรขายได้ ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ และราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 13 – 19 พฤศจิกายน 2563) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 55.02 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 50.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 5.02 บาท
  สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.46 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 77.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.29 บาท
  สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.00 บาท ราคา  ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 136.54 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 133.95 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.59 บาท
 สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 140.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 136.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.33 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 77.59 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
  สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
  สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.19 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 7.24 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.05 บาท
 สำหรับราคาขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 33.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา